Tuesday, June 18, 2013

ตราสารหนี้ ภาค 1

    ตราสารหนี้นั้น คำจำกัดความง่ายๆคือ การนำเงินของเราไปให้คนอื่นยืม (เรียกว่า "เงินต้น") แล้วเราได้ผลตอบแทนจากคนนั้นมา (เรียกว่า "ดอกเบี้ย") เช่น การนำเงินไปฝากที่ธนาคาร อันนี้เราเป็นผู้ให้ธนาคารกู้เงินด้วยดอกเบี้ยจำนวนหนึ่ง เป็นต้น

    ตราสารหนี้สามารถแยกประเภทได้หลายแบบ แต่ในความคิดผม เรารู้แค่ที่จำเป็น ซึ่งแยกได้ 2 ประเภท คือ

1. ระยะเวลา
2. ประเภทของผู้กู้

    1. ระยะเวลา - เราสามารถแยกได้เป็น ตราสารหนี้ระยะสั้น (คือลงทุนไม่เกิน 1 ปี) และ ตราสารหนี้ระยะยาว ( คือลงทุนเกิน 1 ปี)>>>> ลองทดสอบนะครับ.....เงินฝากประจำ 3 เดือนเป็นอะไรครับ ?.........ถูกต้องครับ !!! เป็นตราสารหนี้ระยะสั้น!!!
     ผมจะแชร์ให้ฟังเป็นข้อคิดครับว่า ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้น (ส่วนใหญ่) จะได้น้อยกว่าตราสารหนี้ระยะยาว.....ทำไมล่ะครับ? >>> ก็เพราะความเสี่ยงของผู้ให้กู้ในระยะยาว (พวกเรานั่นเอง) สูงกว่า ระยะสั้น คือถ้าเราฝากเงินที่ธนาคาร 3  เดือน กับ 3 ปี.......3 เดือน เดี๋ยวเดียวก็ได้คืนแล้ว กะพริบตาทีเดียว แต่ 3 ปี ไม่รู้ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (อาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แล้วไม่ได้เงินคืน)

    2. ประเภทของผู้กู้ (หรือประเภทของคนที่เรานำเงินไปลงทุนนั่นเอง)


ผู้กู้
ชื่อสิ่งที่ไปลงทุน
2.1 บริษัทเอกชน
หุ้นกู้
2.2 ธนาคาร
เงินฝากออมทรัพย์/ เงินฝากประจำ/ ตั๋วแลกเงิน/
2.3 รัฐบาล
ตั๋วงเงินคลัง/ พันธบัตรรัฐบาล

ปุจฉา! ถ้าผู้กู้ทั้ง 3 มาขอยืมเงินคุณ โดยขอยืมด้วยเวลาเท่ากันหมดคือ 2 ปี คุณคิดว่าใครจะสามารถให้ดอกเบี้ยคุณต่ำที่สุดได้.....คำตอบคือ.....รัฐบาลครับ.....ทำไมล่ะ? บางคนอาจคิดว่า "ก็รัฐบาลจะไปทำธุรกิจเก่งเท่ากับภาคเอกชน หรือ ธนาคารได้อย่างไร ให้รัฐบาลกู้น่าจะเสี่ยงมากกว่าให้ธนาคารกับ บริษัทเอกชนกู้นะ"......ผมขอบอกเลยว่า เหตุผลนี้ เป็นประเด็นโต้เถียงกันมากในปัจจุบันครับ เพราะ ตามตำรา สมัยพ่อขุนรามที่ร่ำเรียนกันมา ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองเลยครับว่า "รัฐบาลหรือองค์กรของรัฐ ถือว่าเป็นสถาบันที่ไม่มีความเสี่ยง (risk-free) ดังนั้นดอกเบี้ยที่ให้กู้แก่นักลงทุนจึงต่ำที่สุดในตลาดตราสารหนี้"   แต่ลองดูกันครับว่าที่ผ่านมาใครกันแน่ที่ เจ๊ง!......ปี 2555 รัฐบาลกรีซต้องขอประนอมหนี้กับนักลงทุน จ่ายแค่ 40%ของเงินต้น..โอ้แม่เจ้า! มันยอดมาก... คุณย่าคุณยายชาวกรีก แกเอาเงินไปฝากกับรัฐบาลกรีซเพราะมั่นใจในความปลอดภัย แต่สรุปเงินแกหายไป 60% (ฝาก ล้าน ได้คืน สี่แสน!!!)

    ถ้าใครเถียงว่าอันนี้แค่รัฐบาลประเทศเล็กๆมันถึงเจ๊ง ลองไปดูใน  link นี้ได้ครับว่าประเทศใหญ่ๆ หนี้สินก็ท่วมเหมือนกัน http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_public_debt

    เป็นอย่างไรบ้างครับ "ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน" แม้แต่รัฐบาลทีว่าปลอดภัยก็ไม่ปลอดภัยเสียแล้ว

    ณ วันนี้ที่ผมกำลังเขียนบทความอยู่นี้ ข่าวที่ ดีทรอยท์ เมืองต้นกำเนิดรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของอเมริกา ประกาศงดจ่ายเงินบำนาญให้ราชการเพราะเจ๊งครับ รวมไปถึงนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของดีทรอยท์ (Municipal Bond) ก็โดนหางเลขไปด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จัก "ลงทุน" ครับ....ไว้ต่อคราวหน้าดีกว่า เดี๋ยวจะเบื่อกันแย่


ปล. ถ้าใครอยากอ่านเรื่องตราสารหนี้เต็มๆ แนะ นำweb นี้ครับ
http://www.thaibma.or.th/bond_tutor/investor_answer.html

 








No comments:

Post a Comment