1. สินค้าเกษตร เช่น ข้าว กาแฟ
2. สินค้าประเภทโลหะ เช่น ทอง ดีบุก เงิน
3. สินค้าประเภทพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ
1. ราคาเชื่อมกันทั่วโลก
2. ความสำคัญ
2.1 น้ำมัน : เป็นสิ่งที่แทรกอยู่ในต้นทุนของเกือบทุกธุรกิจ จึงมีความสำคัญมากในระดับโลก
2.2 ทอง : ใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และบางคนชื่อว่ามีค่าควรเก็บมากกว่าเงิน(กระดาษ)
3. ความคล่องตัวในการซื้อขาย : เนื่องจากมีความต้องการการลงทุนมาก จึงมีวิธีการลงทุนได้หลากหลาย และคล่องตัว
แล้วทำไมเราต้องลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ด้วยล่ะ? ..........คำตอบคือ มีความเชื่อว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะวิ่งสวนทางกับหุ้น คือ หุ้นตกสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะ "ทอง" เพราะคนมองว่าทองเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย จึงหนีจากหุ้น (เวลาหุ้นตก) ไปซื้อทองแทน (ทำให้ราคาทองขึ้นสวนทางกับหุ้นที่ตก)
นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจึงลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อกระจายความเสี่ยงของตัวเอง
แต่การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยลงทุนโดยตรงในสินค้าโภคภัณฑ์นั้นๆ เพราะมีความไม่คล่องตัวสูง เช่น ถ้าเกิดเราคิดจะลงทุนน้ำมันขึ้นมา คงมีไม่กี่คนที่ ไปซื้อถังน้ำมัน แบกขึ้นรถไปเติมที่ปั๊ม แล้วเอากลับมาเรียงเก็บไว้ที่บ้าน
ส่วนใหญ่แล้วจะลงทุนผ่านตลาดอนุพันธ์ที่เรียกว่าตลาดล่วงหน้า (ถ้าไม่รู้ว่าอนุพันธ์คืออะไรลองไปอ่านที่หัวข้อ "ตราสารอนุพันธ์" ก่อนได้ครับ) ซึ่งก็มีความซับซ้อนพอสมควรอีกนั่นแหละ ดังนั้นสำหรับนักลงทุนทั่วไป จะลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ผ่าน "กองทุนรวม" ซึ่งมีความสะดวก และค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
วันนี้เราก็พอรู้คร่าวๆว่าสินค้าโภคภัณฑ์คืออะไร คราวหน้าก็มาดูกันว่าลงทุน อย่างไร กันครับ
No comments:
Post a Comment