ความคิดเห็นในBLOGนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมทั้งหมด ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับสถาบันที่ผมศึกษาหรือทำงาน
Saturday, August 3, 2013
วิธีเลือกหุ้นตอน "เชื่อตัวเอง"
ในเมื่อเราลงทุนด้วยเงินของเราเอง ทำไมเราต้องให้คนอื่นเป็นคนเลือกหุ้นให้ หุ้นตัวไหนเหมาะกับเรา ตัวของเรารู้ดีที่สุด (ไม่มีใครรู้จักคุณดีเท่าตัวของคุณเอง) แต่บางคนอาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่า....แล้วทำไมต้องเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับตัวเราเองด้วยล่ะ? ทำไมไม่เลือกหุ้นที่ได้กำไรเยอะๆ เพราะจุดประสงค์ของบางคน คือ "ได้กำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้" หุ้นอะไรก็ได้ ไม่สนใจ ผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณมีเป้าหมายการลงทุนแบบนี้ ในระยะยาว คุณจะไม่มีอะไรเหลือ เพราะมันเป็นเป้าหมายแห่งความ "โลภ" คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน เช่น ไว้ใช้ยามเกษียณ, ส่งลูกเรียน, ซื้อบ้านซื้อรถ เป็นต้น เป้าหมายจะทำให้คุณรู้ตัวว่า คุณต้องได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าไหร่เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของคุณ บางคนคำนวนไปมา กลับกลายเป็นไม่ต้องลงทุนหุ้นให้เสี่ยงด้วยซ้ำ เช่น คนโสดกับคนมีครอบครัว ภาระต้องต่างกันแน่นอน!......แต่หัวข้อนี้เป็นเรื่องของการเลือกหุ้น ไม่ใช่การวางเป้าหมาย ดังนั้น เรากลับมาที่คำถามข้างต้นที่ว่า แล้วทำไมต้องเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย?.....คำตอบคือ
1.ดีต่อสุขภาพ
บางคนอาจจะงงครับ แต่เป็นเรื่องจริง!....เพราะว่า ถ้าคุณเลือกหุ้นที่เหมาะกับตนเอง หุ้นตัวนั้นจะสอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิต และประวัติของคุณ เช่น คุณทำงานในโรงแรม ควรจะซื้อหุ้นเกี่ยวกับโรงแรม เพราะคุณรู้ระบบภายในภายนอกของโรงแรมมากกว่าทุกคน! ดังนั้นเวลาหุ้นโรงแรมที่คุณมีอยู่ปรับตัวลดลงมากๆ คุณจะเป็นคนแรกๆที่เข้าใจ และยอมรับมันได้อย่างไม่เครียด เช่น ปีนี้มีฟุตบอลโลกที่บราซิลทำให้นักท่องเที่ยวไปบราซิลกันหมด ทำให้หุ้นโรงแรมประเทศอื่นผลประกอบการในปีนี้ไม่ดี(รวมถึงหุ้นที่คุณมี) ราคาหุ้นจึงปรับตัวลดลง เมื่อคุณทำงานด้านนี้คุณจะรู้ว่าหุ้นปรับตัวลงแค่ระยะสั้น ฟุตบอลโลกจบ นักท่องเที่ยวก็กลับมาใหม่ แต่ในทางกลับกันลองนึกภาพว่า สมมติ นาย ก. เปิดพอร์ตการลงทุนหุ้นที่โบรคเกอร์แห่งหนึ่ง โบรคเกอร์แนะนำซื้อหุ้นโรงแรม นาย ก. ก็ซื้อตามแบบงงๆ ต่อมาอีก 2 เดือน หุ้นโรงแรมตัวนั้นตก นาย ก. ตกใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมหุ้นตก โบรคเกอร์อธิบายให้นาย ก. ฟังถึงเหตุผล นาย ก. ก็เข้าใจ แต่ก็ยังไม่หายกังวลใจว่า ราคาหุ้นจะตกต่อไปหรือไม่ เกิดอาการเครียดนอนไม่หลับ เพราะลงไปเยอะเสียด้วย ต่อมาเริ่มเครียมากขึ้นจนมีผลต่อหน้าที่การงาน และชีวิตส่วนตัว จึงตัดสินใจขายขาดทุนหุ้นโรงแรมตัวนั้นเพื่อความสบายใจ และเจ็บใจกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าอีกหกเดือนต่อมา ราคาหุ้นปรับตัวกลับขึ้นมา!.........หวังว่าคงเข้าใจมากขึ้นว่าดีต่อสุขภาพอย่างไรนะครับ:)
2.ต่อยอดด้วยความสนุกสนาน
การเล่นหุ้นสำหรับผมเหมือนเรียนหนังสือ ให้เรียนในสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ หรือ ไม่เหมาะสมกับเรานั้น ความก้าวหน้าก็เกิดขึ้นได้ยาก เหมือนกับการเล่นหุ้น ถ้าคุณไปซื้อหุ้นในอุตสาหกรรมที่คุณนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันทำกำไรอย่างไร? ขายอะไร? สิ่งที่เกิดคือ คุณก็แค่ตั้งหน้าตั้งตาดูแต่ ราคาหุ้น แต่ไม่สนใจจะดูที่ ตัวหุ้น จริงๆ
คุณจะต่อภาพไม่ถูกเลยว่าอะไรบ้างที่มีผลกระทบต่อการขึ้นลงของหุ้นที่คุณถืออยู่ เพราะคุณไม่รู้ไส้ในของมัน และเมื่อคุณไม่รู้ปัจจัยที่ทำให้หุ้นตัวนั้นขึ้นลง คุณก็จะไม่สามารถคาดการณ์อะไรในอนาคตได้เลยแม้แต่น้อย (รอโชคช่วยอย่างเดียว) จึงทำให้คุณรู้สึกว่าตลาดหุ้นมันก็แค่การพนันดีๆนี่เอง ถ้าใครมีความคิดแบบนี้ อาจต้องปรับความคิดกันสักเล็กน้อย เพราะพนักงานของบริษัทที่มีหุ้นอยู่ในตลาด ตั้งแต่ประธานบริษัท(CEO) ถึงแม่บ้าน เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทออกมาดี ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้น แต่คุณกลับมีความคิดว่าที่ราคาหุ้นขึ้นลง มิได้มีเหตุผลอื่นรองรับนอกจาก โชคชะตา!
กลับมาที่การดูหุ้นที่เหมาะสมกับคุณ(บ่นไปไกลอีกแล้ว) ขอย้ำว่า ซื้อหุ้นที่ตัวเองชอบนั้นไปได้ไกลกว่าแน่นอน
ดังนั้นก่อนที่จะซื้อหุ้นขอให้คุณหันกลับมามองตัวเองว่าคุณชอบอะไร มีความถนัดอะไร มีประสบการณ์ด้านไหน เรียนอะไรมา แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการเล่นหุ้นของคุณ จะมีประโยชน์มหาศาลกว่าไปถามชาวบ้านว่าเล่นหุ้นอะไรกันแล้วซื้อตามเขา บางทีคุณจะพบว่าตัวเองนั่งอ่านเรื่องเกี่ยวกับหุ้นนั้นๆได้เป็นวันๆ หรือ สามารถคาดการณ์ผลกระทบล่วงหน้าที่มีต่อหุ้นนั้นได้จากการฟังหรืออ่านข่าวเพียงสั้นๆ.....ซึ่งลักษณะนี้สนุกกว่าคุณลงทุนแบบไม่รู้อะไรเลย หวังแต่กำไรอย่างเดียวเป็นไหนๆ ลงทุนแบบที่ผมแนะนำนี้ ได้ทั้งความรู้ และกำไร!
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment