Tuesday, September 3, 2013

ช่างจะเลิกหยอดน้ำมัน ทำไมถึงเป็นปัญหา!

     หลังจากเกิดวิกฤติตั้งแต่ปี ๒๐๐๘ ณ วันนี้ เวลาก็ล่วงเลยมากว่า ๕ ปีแล้ว หลายๆฝ่ายพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางของสหรัฐ (Fed) ที่ถือเป็นที่จับตามองมากที่สุด เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก....ผมขออธิบายสักเล็กน้อยว่าทำไมธนาคารกลางของสหรัฐถึงเป็นที่จับตามองในขณะนี้
     เมื่อประเทศเกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจ นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจมีความฝืดเคือง เนื่องจากคนไม่จับจ่ายใช้สอย เพราะกลัวว่าเงินจะหมด หรือกระทั่ง "ไม่มี"เงินให้ใช้ในอนาคต  ดังนั้นเมื่อตัวเฟืองเศรษฐกิจปรกติไม่สามารถหมุนไปได้ตามปรกติก็ต้องหา "ช่าง" มาหยอดน้ำมันให้เฟืองกลับมาหมุนลื่นตามปรกติ "ช่าง"ที่ผมหมายถึงมีอยู่สองคน คือ รัฐบาล (ในที่นี้จะเรียกว่า ช่างรัฐ) กับ ธนาคารกลาง (ในที่นี้จะเรียกว่า ช่างกลาง) โดยทั่วไปนักเศรษฐศาสตร์จะแบ่งเป็น นโยบายการคลัง (หยอดน้ำมันโดยรัฐบาล) และ นโยบายการเงิน (หยอดน้ำมันโดยธนาคารกลาง)
     ตามปรกติแล้ว ช่างรัฐ กับ ช่างกลาง จะร่วมมือกันหยอดน้ำมัน แต่เนื่องจากช่างรัฐช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำตัวไม่ดี ใช้เงินสิ้นเปลือง จึงไม่ค่อยจะมีกำลังไปซื้อน้ำมันมาหยอด เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างกลางเป็นตัวหลักในการหยอดน้ำมัน
     ช่วงที่เกิดวิกฤติ ๒๐๐๘ นั้น ช่างกลาง ของทุกประเทศก็ช่วยกันระดมหยอดน้ำมันกันเป็นการใหญ่ แต่ช่างกลางของอเมริกานั้นมีน้ำมันให้หยอดเยอะกว่าเพื่อน จึงต้องจับตาดูช่างกลางของอเมริกาให้ดี เพราะปริมาณน้ำมันที่หยอดมีผลต่อเศรษฐกิจทั้งโลก......แน่นอนครับรวมทั้งไทยเราด้วย

เบน เบอร์นันคี (หัวหน้าช่างกลางสหรัฐ)

     .......แล้วไอ้น้ำมันที่ช่างนำมาหยอดที่ว่านี้คืออะไร?........"เงิน" ไงครับ... เพราะเศรษฐกิจหมุนได้ด้วยเงิน ....ซึ่งเครื่องมือที่ธนาคารกลางใช้ส่งเงินเข้าสู่ระบบนั้นมีหลายอย่าง แต่หลักๆคือการเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยในตลาดใดตลาดหนึ่ง.....เอ...แล้วการเพิ่มหรือลดดอกเบี้ยทำให้มีเงินเพิ่มเข้าระบบเศรษฐกิจได้อย่างไร.....เหตุผลคือแบบนี้ครับ

เมื่อลดดอกเบี้ยแล้ว > คนกู้เงินก็อยากกู้มากขึ้น เช่น ซื้อบ้าน  เพราะต้นทุนในการกู้ต่ำลง(เงินหมุนต่อที่๑ = คนได้เงินกู้จากธนาคาร > ต่อมาเมื่อได้เงินจากธนาคารก็นำมาจ้างผู้รับเหมาสร้างบ้าน (เงินหมุนต่อที่ ๒ = ผู้รับเหมาได้เงินจากคนที่กู้ธนาคารมา) > ต่อมาผู้รับเหมาเอาเงินไปจ่ายค่าเล่าเรียนลูกที่โรงเรียน (เงินหมุนต่อที่๓ = โรงเรียนได้เงินจากผู้รับเหมา >.........วงจรหมุนเงินก็จะดำนินต่อไปอย่างไม่รู้จบ และ ในที่สุดเฟืองเศรษฐกิจก็จะกลับมาหมุนลื่นได้อีกครั้ง

     ข้อคิด! ลองคิดดูว่า ถ้าคนแรกไม่กู้เงินมาซื้อบ้าน ผลต่อเนื่องต่างๆที่อธิบายข้างต้นจะไม่เกิดเลย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคือง

     คราวนี้กลับมาที่ธนาคารกลางสหรัฐเป็นที่น่าจับตามองกันครับ.....ตอนนี้กำลังเป็นประเด็นถกเถียงกันว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(ช่างกลางสหรัฐ) จะ เริ่มลดการหยอดน้ำมัน เพราะ เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว...... ทำให้นักลงทุนทั่วโลกกลัวว่าเมื่อช่างเริ่มหยุดหยอดน้ำมันจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฝืดเคืองใหม่อีกครั้ง ดังนั้นผลที่เกิดในแง่ของการลงทุนคือ นักลงทุนกลัวความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และเริ่มถอนเงินลงทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น หุ้น..... ถ้าใครสังเกตช่วงเดือน(ส.ค.)ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ราคาทองเริ่มปรับตัวขึ้น (เพราะคนคิดว่าปลอดภัยกว่าหุ้น) ค่าเงินของประเทศในกลุ่มEmerging ปรับตัวอ่อนมาก (เพราะเงินไหลออก) โดยเฉพาะ อินเดีย อินโดนีเซีย บราซิล ที่ค่าเงินอ่อนไปกว่า ๑๐ เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งถือว่าเยอะมากๆครับ......โดยในแง่ของการลงทุนตลาดหุ้นอาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงท้ายปีนี้ เหมือนกับปีที่ผ่านมาครับ

No comments:

Post a Comment